Loading...

การออกแบบพื้นที่สีเขียวเพื่อทดแทนการสูบบุหรี่ วันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) [อ.ณัฐวดี เตมียกุล]

การออกแบบพื้นที่สีเขียวเพื่อทดแทนการสูบบุหรี่

วันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) ที่จัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนถึงความจำเป็นของการลดการสูบบุหรี่ทั่วโลก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายแรงและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ปัจจุบันแนวโน้มการควบคุมการสูบบุหรี่ไม่ได้จำกัดเพียงมาตรการทางกฎหมาย แต่ครอบคลุมไปถึงการ “ออกแบบสภาพแวดล้อม” ที่ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาวะ

[สวนลุมพินีภาพจาก : www.aroundbkk.com]

ภูมิสถาปัตยกรรมในฐานะศาสตร์แห่งการจัดการพื้นที่ที่เชื่อมโยงระหว่างคนกับธรรมชาติ มีศักยภาพสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองปลอดควัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการออกแบบพื้นที่สีเขียวที่ส่งเสริมสุขภาพ และสามารถทำหน้าที่เป็นทางเลือกเชิงบวกแทนกิจกรรมการสูบบุหรี่ได้อย่างสร้างสรรค์
สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะ คือ พื้นที่ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและสนับสนุนพฤติกรรมที่ส่งผลดีต่อร่างกาย จิตใจ และความเป็นอยู่ของประชาชน (WHO, 2023) โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่ที่มีความหนาแน่นของประชากรและกิจกรรมสูง การจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดปัจจัยเสี่ยง เช่น มลพิษทางอากาศ ความเครียด และการการเกิดพฤติกรรมเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่ มีงานวิจัยที่ช่วยยืนยันว่า พื้นที่สีเขียวมีผลอย่างมีนัยสำคัญในการลดระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) เพิ่มการหลั่งเอนโดรฟิน และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางกาย เช่น การเดินหรือทำกิจกรรมเบา ๆ ซึ่งช่วยลดแรงกระตุ้นในการหันไปสูบบุหรี่ในบางช่วงเวลา (Lee & Maheswaran, 2011)

[สวนเบญจกิติ ภาพจาก : สวนเบญจกิติ]

การสูบบุหรี่ไม่ใช่เพียงการพึ่งพาสารนิโคติน แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “ช่วงเวลาส่วนตัว” ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หลุดจากความตึงเครียด หรือการส่งเสริมเข้าสังคม ซึ่งบทบาทที่สำคัญของงานภูมิสถาปัตยกรรมคือการออกแบบสวนสาธารณะ รวมทั้งพื้นที่สีเขียวอื่นๆ ที่สร้างประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งทางจิตใจและร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบ มีความเป็นธรรมชาติ เป็น “สวนทางเลือก” (Alternative Healing Green Space) เพื่อทดแทนประสบการณ์จากการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากสูบ เพราะมีสิ่งอื่นที่ดึงดูดและให้ประสบการณ์เชิงบวกมากกว่า ดังนั้น งานภูมิสถาปัตยกรรมจึงสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยกลางแจ้งให้เป็น “เขตปลอดควันอย่างสมัครใจ” ได้ เช่น ออกแบบให้ร่มรื่น ใช้พรรณไม้ให้กลิ่นหอม ช่วยให้เกิดการเบี่ยงเบนความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ มีจุดสนใจ หรือกิจกรรมในสวนที่ดึงดูดผู้ใช้งานให้ใช้เวลาในเชิงบวก ไปจนถึงการจัดวางผังบริเวณแบ่งโซนปลอดควัน เช่น วางพื้นที่สูบบุหรี่ในตำแหน่งที่แยกออกจากโซนกิจกรรมหลักของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความพลุกพล่านหรือใช้งานต่อเนื่อง เช่น สนามเด็กเล่น ลานกิจกรรม หรือทางสัญจรหลัก หรือหลีกเลี่ยงการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ในตำแหน่งที่มีความสะดวกสบายเกินไป เช่น บริเวณที่มีที่นั่งร่มรื่นหรือทัศนียภาพดี เพื่อไม่ส่งเสริมให้มีการใช้เวลานานในกิจกรรมดังกล่าว


การออกแบบพื้นที่เพื่อสังคมปลอดควัน ไม่ได้เป็นเพียงการห้ามหรือจำกัดพฤติกรรม แต่คือการ “เสนอทางเลือกใหม่” ที่ดีกว่า ผ่านประสบการณ์ที่ส่งเสริมสุขภาวะ การออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยเสี่ยง ให้กลายเป็นกิจกรรมที่ดีต่อกายและใจ

อ้างอิง
World Health Organization (WHO). (2023). Creating healthy urban environments.
Lee, A. C. K., & Maheswaran, R. (2011). The health benefits of urban green spaces: a review of the evidence. Journal of Public Health, 33(2), 212–222.
Kaplan, R. (1995). The restorative benefits of nature: Toward an integrative framework. Journal of Environmental Psychology, 15(3), 169–182.