Research

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว .. OSR คืออะไร เหตุใดจึงต้องมีการกำหนดไว้ในผังเมืองรวม

โดย รศ.ดร. สุวดี ทองสุกปลั่ง หรรษาสุขสิน (อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

 

💬 เคยสังเกตไหมว่า... อาคารสูงรอบตัวเรามี “พื้นที่หลบภัย” เพียงพอหรือยัง?
ในวันที่เมืองใหญ่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติเช่นแผ่นดินไหวอย่างไม่คาดคิด "พื้นที่ว่าง" ที่เราอาจเคยมองข้าม กลับกลายเป็นพื้นที่ชีวิตที่สำคัญที่สุด คุณเคยได้ยินคำว่า OSR หรือยัง? รศ.ดร.สุวดี ทองสุกปลั่ง หรรษาสุขสิน จะพาเราไปรู้จักกับค่าที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของผังเมือง แต่แท้จริงคือ "ดัชนีความปลอดภัย" ของเมืองทั้งเมือง…

 

OSR คืออะไร

ในการจัดทำผังเมืองรวมสำหรับมหานครอย่างกรุงเทพฯ นอกเหนือจากการกำหนดโซนการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยสีต่าง ๆ แล้ว ยังมีเกณฑ์สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ค่า OSR" (Open Space Ratio) หรืออัตราส่วนพื้นที่ว่างที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง เทียบกับ พื้นที่ใช้สอยรวมของอาคาร ซึ่งคำนวณจาก พื้นที่ว่างปราศจากสิ่งปกคลุม ต่อ พื้นที่ใช้สอยรวมของอาคาร ในแปลงที่ดินเดียวกัน แล้วทำให้เป็นร้อยละ (%) โดยทั่วไปแล้ว ค่า OSR จะส่งผลเชิงบวกต่อการพัฒนาชุมชนเมืองให้น่าอยู่ เนื่องจากพื้นที่ว่างโล่งอาจถูกออกแบบเป็นพื้นที่สีเขียว โซนสาธารณะสำหรับพักผ่อน และระบบนิเวศเมืองที่ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี พื้นที่ว่างเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็น "จุดอพยพฉุกเฉิน" ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ทั้งภัยธรรมชาติ (เช่น แผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือ 28 มีนาคม 2568) หรือภัยมนุษย์สร้าง (เช่น อัคคีภัย การก่อการร้าย) ซึ่งคำถามสำคัญก็คือ “ผู้อยู่อาศัยในอาคารสูงจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพื้นที่โล่งด้านล่างมีเพียงพอสำหรับการหลบภัย”

 

OSR คิดจากอะไร

ตาม กฎกระทรวงว่าด้วยผังเมืองรวม ค่า OSR จะกำหนดเป็น ร้อยละ (%) โดยคำนวณจาก (พื้นที่ว่างโล่งของที่ดินแปลงนั้น ÷ พื้นที่ใช้สอยรวมของอาคารทั้งหมด) × 100 ตัวอย่างเช่น ในโซนพาณิชยกรรม (สีแดง) ที่กำหนด OSR 4% หากอาคารมีพื้นที่ใช้สอยรวมทุกหลังทุกชั้นเท่ากับ 10,000 ตร.ม. ต้องจัดสรรพื้นที่ว่าง เท่ากับ 400 ตร.ม. เป็นต้น โดยค่าที่ได้คือขนาดของพื้นที่ว่างที่ต้องเว้นไว้ในแปลงที่ดินนั้น

OSR = พื้นที่ใช้สอยอาคารรวม 10,000 ตร.ม. x 4%

       = 400 ตรม.

 

การคำนวณพื้นที่หลบภัยขั้นต่ำคำนวณอย่างไร

อย่างไรก็ดี การคำนวณพื้นที่หลบภัยขั้นต่ำควรพิจารณาตามประเภทอาคารและลักษณะผู้ใช้งาน ดังนี้:

  1. อาคารทั่วไป (สำนักงาน/ที่อยู่อาศัย):

พื้นที่หลบภัย=จำนวนผู้ใช้อาคารสูงสุด×0.6 ตร.ม./คนพื้นที่หลบภัย=จำนวนผู้ใช้อาคารสูงสุด×0.6ตร.ม./คน

  1. เกณฑ์อ้างอิง:มาตรฐาน NFPA 101 (Life Safety Code) กำหนดพื้นที่ยืนขั้นต่ำ 0.28 ตร.ม./คน แต่เพิ่มเป็น 0.6 ตร.ม. เพื่อความคล่องตัวในการอพยพ
  2. สถานพยาบาล/สถานบรรเทาทุกข์

พื้นที่หลบภัย=(จำนวนเจ้าหน้าที่×0.6)+(จำนวนผู้ป่วย×3.0 ตร.ม./คน)พื้นที่หลบภัย=(จำนวนเจ้าหน้าที่×0.6)+(จำนวนผู้ป่วย×3.0ตร.ม./คน)

เหตุผล:ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับ เตียงเคลื่อนที่ (ขนาดเฉลี่ย 1.2 x 2.5 เมตร) รถเข็นผู้ป่วย (พื้นที่ใช้งานขั้นต่ำ 1.5 x 2.5 เมตร) อุปกรณ์พยาบาลฉุกเฉิน

  1. อาคารสาธารณะ เช่น ศูนย์การค้า/สนามบิน) ควรเพิ่มสัมประสิทธิ์ความแออัด (Congestion Factor) 1.2-1.5 เท่า

ตัวอย่าง:ห้างสรรพสินค้าความจุ 10,000 คน พื้นที่ 10,000×0.6×1.3=7,800 ตร.ม.

 

ข้อสรุปสำคัญของ OSR คืออะไร

ในการกำหนดทางผังเมือง นอกจากค่า OSR แล้ว ยังมีค่า BCR ซึ่งมีความแตกต่างในการกำหนดพื้นที่โล่ง กล่าวคือ สำหรับเมืองอื่น ๆ นอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร อาจไม่มีการกำหนดค่า OSR แต่จะใช้ค่า BCR (Building Coverage Ratio) แทน ซึ่งหมายถึง สัดส่วนของพื้นที่อาคารที่สามารถก่อสร้างได้เมื่อเทียบกับที่ดินแปลงนั้น ๆ หากกำหนดค่า BCR 60% หมายความว่า พื้นที่ที่สามารถสร้างอาคารได้คือ 60% ของที่ดิน ส่วนอีก 40% ต้องเป็นพื้นที่ว่างโล่ง

โดยสรุป .. ค่าต่าง ๆ ที่กำหนดใน ผังเมืองรวม ไม่เพียงแต่ช่วยจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ยังมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง OSR ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการอพยพและรองรับผู้คนในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย