Research
การฟื้นฟูภูมิทัศน์วัฒนธรรมชาวน้ำ: โครงการวางผังวิสัยทัศน์จังหวัดปทุมธานี
(บริเวณพื้นที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมินิเวศทุ่งพญาเมือง มีการเสนอแนะให้รื้อถอนตลิ่งคอนกรีตเดิมสู่ตลิ่งธรรมชาติและปรับระดับความลาดชัน (Slope 1:8 )เพื่อให้สัตว์สามารถอยู่อาศัย วางไข่ หรือหาอาหารได้บริเวณพื้นที่ชายน้ำ เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบการอนุรักษ์ภูมินิเวศทุ่งชายน้ำปทุมธานี)
ภัยจากน้ำท่วม การกัดเซาะตลิ่ง และการขยายตัวของเมืองที่ไร้ทิศทาง ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คุกคามภูมิทัศน์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนริมน้ำในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการตั้งถิ่นฐาน วิถีชีวิต และมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนมาตั้งแต่อดีต แม้คุณค่าเหล่านี้จะมีอยู่จริง แต่กลับถูกมองข้ามท่ามกลางการพัฒนาเมืองที่เร่งรีบและไร้ทิศทาง
นายกิตติภพ การกูล นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้พัฒนาโครงการวิทยานิพนธ์ “โครงการวางผังวิสัยทัศน์เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งภูมิทัศน์วัฒนธรรมชาวน้ำ จังหวัดปทุมธานี” เพื่อเสนอแนวทางการออกแบบที่ใช้ภูมิสถาปัตยกรรมเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูภูมิทัศน์ของแหล่งโบราณสถานริมน้ำอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจังหวัดปทุมธานี
(ผังแสดงพื้นที่มรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อและวิถีชีวิต ผ่านลักษณะการตั้งถิ่นฐานชุมชนริมน้ำและการก่อรูปชุมชนที่มีวัดเป็นศูนย์กลางชุมชน)
นายกิตติภพ ได้ใช้กระบวนการวิเคราะห์พื้นที่แบบหลายระดับ ได้แก่ ระดับมหภาค (Macro) ที่มองภาพรวมของจังหวัดและระบบน้ำ ระดับมัชฌิมาภาค (Meso) ที่วิเคราะห์โครงข่ายชุมชน กิจกรรม และการเข้าถึง และระดับจุลภาค (Micro) ที่เจาะลึกพื้นที่เป้าหมาย เช่น วัดสองพี่น้องและย่านเมืองเก่าปทุมธานี ผู้ออกแบบได้ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ โดยเชื่อมโยงศูนย์กลางเมืองปทุมธานีใน 4 ยุคสมัย—ทุ่งพญาเมือง(สมัยพุทธศตวรรษที่19) เมืองสามโคก (สมัยอยุธยา) เมืองประทุมธานี (สมัยรัชกาลที่ 2) และเมืองปทุมธานี (สมัยรัชกาลที่6-ปัจจุบัน)—เพื่อนำเสนอแนวคิด “อ่านพื้นที่ผ่านชั้นเวลา” ซึ่งช่วยให้เข้าใจบริบทของพื้นที่ไม่ใช่แค่ในเชิงกายภาพ แต่รวมถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์
(ผังวิสัยทัศน์แสดงให้เห็นการอนุรักษ์และพัฒนาในบริเวณพื้นที่ต่างๆในทุกมิติทั้งมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ เพื่อให้ทุกพื้นที่เกิดการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงของเมืองหรือวิถีชีวิตชาวน้ำปทุมธานีในอนาคตอย่างยืดหยุ่น)
ในกระบวนการวิเคราะห์และออกแบบ นายกิตติภพได้สังเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนของพื้นที่ เช่น ปัญหาน้ำท่วม การสูญหายของอัตลักษณ์ชาวน้ำ และการขาดการเชื่อมโยงระหว่างชุมชน–โบราณสถาน–นักท่องเที่ยว โดยใช้กรอบคิดทางภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อเสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นและใช้ได้จริง เช่น การออกแบบพื้นที่ริมน้ำแบบขั้นบันได (Terracing) ที่ปรับตัวตามฤดูกาล การออกแบบพื้นที่สาธารณะที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย และการจัดผังเส้นทางการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงทั้งทางบกและทางน้ำ พร้อมทั้งออกแบบกิจกรรมที่ชุมชนมีส่วนร่วมได้จริง
(บริเวณศูนย์กลางย่านเมืองเก่าปทุมธานีมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยใช้แนวคิดการจัดการกายภาพพื้นที่เพื่อลดพื้นที่ดาดแข็ง (Hardscape) และเพิ่มพื้นที่ดาดนุ่ม (Softscape)เพื่อลดความร้อนภายในเมืองและส่งเสริมบรรยากาศของเมืองให้เกิดความร่มรื่นส่งเสริมการทำกิจกรรมของประชาชนและสภาพแวดล้อมของเมืองอย่างเป็นมิตรและยั่งยืน)
โครงการนี้แสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของ “ภูมิสถาปนิก” ในฐานะผู้สร้างสมดุลระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต ที่เชื่อมโยงคน พื้นที่ และวัฒนธรรม เข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้งผ่านการออกแบบพื้นที่ที่สื่อสารเรื่องราว สร้างประสบการณ์ และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะในบริบทไทยที่มีมรดกวัฒนธรรมกระจายอยู่ในระดับท้องถิ่น และได้นำการออกแบบเชิงภูมิสถาปัตยกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่ สร้างการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และปลุกชีวิตให้กับชุมชนที่อาจถูกลืม โดยกรอบแนวคิดนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในระดับนโยบายเชิงพื้นที่ทั้งในด้านการอนุรักษ์ การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการพัฒนาภูมิทัศน์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ที่ส่งเสริมความยั่งยืนของเมือง วัฒนธรรม และผู้คน
นายกิตติภพ การกูล นักศึกษาสาขาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์